สาเหตุของเครื่องยนต์สั่น

รถยนต์เครื่องยนต์สั่น

สาเหตุของเครื่องยนต์สั่นมีหลายประการ ขึ้นอยู่กับว่าสั่นตอนไหน

รถยนต์เครื่องยนต์สั่น

1. สั่นตอนจอดรถ

ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ ยางแท่นเครื่องมีหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ หากเสื่อมสภาพ จะทำให้เกิดอาการสั่นทั้งตอนจอดรถและเร่งเครื่อง
มอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาหรือไอเดิล วาล์วสกปรก มอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาหรือไอเดิล วาล์วมีหน้าที่ควบคุมรอบเครื่องยนต์เมื่อเครื่องยนต์เดินเบา หากมอเตอร์สกปรก จะทำให้รอบเครื่องยนต์เดินไม่นิ่ง เกิดอาการสั่น

2. สั่นตอนเร่งเครื่อง

ตัวยึดเครื่องยนต์หลวมหรือชำรุด ตัวยึดเครื่องยนต์มีหน้าที่ยึดเครื่องยนต์ให้อยู่กับที่ หากหลวมหรือชำรุด เครื่องยนต์จะสั่นสะเทือนมากขึ้นเมื่อเร่งเครื่อง
ท่อไอเสียรั่ว ท่อไอเสียรั่ว จะทำให้แรงดันไอเสียรั่วไหลออกมา เกิดอาการสั่นสะเทือน
ปัญหาจากระบบเกียร์ ปัญหาจากระบบเกียร์ เช่น คลัตช์ไหม้ หรือเกียร์เสื่อม จะทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือนเมื่อเร่งเครื่อง

3. สั่นทุกความเร็ว

หัวเทียนเสื่อมสภาพ หัวเทียนมีหน้าที่จุดประกายไฟเพื่อเผาไหม้เชื้อเพลิง หากหัวเทียนเสื่อมสภาพ จะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เกิดอาการสะดุด และสั่น
ลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันหรือสกปรก ลิ้นปีกผีเสื้อมีหน้าที่ควบคุมปริมาณอากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์ หากลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันหรือสกปรก จะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เกิดอาการสะดุด และสั่น
ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ หรือ ยางรถยนต์ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือน
ช่วงล่างเสื่อมสภาพ ช่วงล่างเสื่อมสภาพ เช่น โช้คอัพ หรือลูกปืนล้อเสื่อม จะทำให้เกิดอาการสั่นสะเทือน

วิธีแก้ไข

หากรถของคุณมีอาการเครื่องยนต์สั่น ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและแก้ไขโดยไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้

วิธีป้องกัน

ตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ โดยเฉพาะยางแท่นเครื่อง หัวเทียน ท่อไอเสีย ลิ้นปีกผีเสื้อ ยางรถยนต์ และช่วงล่าง
เปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาที่กำหนด
เติมน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ที่มีคุณภาพ
ใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ
ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการขับขี่แบบกระแทก

สรุป
รถสั่นสาเหตุมีหลายประการ ขึ้นอยู่กับว่าสั่นตอนไหน

สั่นตอนจอดอาจมาจากยางแท่นเครื่องเสื่อมหรือมอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาสกปรก
สั่นตอนเร่งเครื่องอาจมาจากตัวยึดเครื่องยนต์หลวม ท่อไอเสียรั่ว หรือปัญหาจากระบบเกียร์
สั่นทุกความเร็วอาจมาจากหัวเทียนเสื่อม ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก ยางรถเสื่อม หรือช่วงล่างเสื่อม
หากรถสั่นควรนำไปให้ช่างตรวจเช็คโดยไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

รถยนต์มีความร้อนสูง ควรทำอย่างไร

รถยนต์ความร้อนสูง

รถยนต์มีความร้อนสูง ควรทำอย่างไร

รถยนต์ความร้อนสูง

กรณีรถยนต์ความร้อนสูง ควรทำดังนี้

1. จอดรถและดับเครื่องยนต์ทันที หาที่จอดรถที่ปลอดภัย พ้นจากการจราจร และปิดเครื่องยนต์เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์

2. เปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ระวังอย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่

3. รอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลง ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าเข็มวัดความร้อนจะลดลงสู่ระดับปกติ

4. ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ เมื่อเครื่องยนต์เย็นลงแล้ว ให้เปิดฝาหม้อน้ำอย่างระมัดระวัง (สวมถุงมือยางเพื่อป้องกันมือลวก) เติมน้ำกลั่นหรือน้ำสะอาดลงไปจนถึงระดับที่กำหนด

5. ตรวจสอบสาเหตุของความร้อนสูง

  • น้ำในหม้อน้ำรั่ว : ตรวจสอบรอยรั่วตามท่อยาง หม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำ
  • พัดลมหม้อน้ำเสีย : ฟังเสียงพัดลมว่าทำงานหรือไม่
  • หม้อน้ำอุดตัน : สังเกตสีของน้ำในหม้อน้ำ ว่าใสหรือขุ่น
  • ปัญหาเกี่ยวกับระบบหล่อลื่น : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
  • ปัญหาอื่นๆ : สายพานคลาย เฟืองปั๊มน้ำสึกหรอ

6. ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ หากไม่สามารถระบุสาเหตุของความร้อนสูง หรือไม่มั่นใจในการแก้ไข ควรติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็คและซ่อมแซม

ข้อควรระวัง

  • ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ เพราะแรงดันน้ำร้อนอาจพุ่งออกมาและทำให้ได้รับบาดเจ็บ
  • ห้ามเติมน้ำเย็นลงในหม้อน้ำร้อนๆ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์แตกเสียหาย
  • ห้ามฝืนขับรถต่อเมื่อรถมีความร้อนสูง เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายหนัก

การป้องกันรถความร้อนสูง

  • ตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำและน้ำมันเครื่องเป็นประจำ
  • ตรวจสอบสภาพพัดลมหม้อน้ำ สายพาน และหม้อน้ำ
  • เปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำตามระยะเวลาที่กำหนด
  • ล้างรถด้วยน้ำสะอาดเป็นประจำเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันหม้อน้ำ
  • เลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน