ไม่มีคำตอบตายตัวว่ายางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ผลิตยางรถยนต์จะแนะนำให้เปลี่ยนยางทุกๆ 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ อาจต้องเปลี่ยนยางก่อนกำหนดหากพบสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้
- ดอกยางสึกหรอ : สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าถึงเวลาเปลี่ยนยาง คือ ดอกยางสึกหรอจนถึงจุดวัดความลึกของดอกยาง ซึ่งอยู่บริเวณร่องดอกยาง โดยมีความสูงประมาณ 1.6 มม. สังเกตได้จาก “สะพานยาง” ซึ่งเป็นเส้นยางขวางที่อยู่ตรงกลางของร่องดอกยาง หากดอกยางสึกจนถึงระดับสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่แล้ว
- สภาพยางเสื่อมสภาพ : ตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีรอยแตก รอยปริ รอยฉีกขาด หรือรอยบวม หากพบรอยเหล่านี้ แสดงว่ายางเสื่อมสภาพและควรเปลี่ยนใหม่ทันที
- ยางเก่า : ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานจำกัด แม้ว่าจะใช้งานน้อยหรือดอกยางยังไม่สึกหรอ แต่ก็ควรเปลี่ยนยางเมื่ออายุครบ 10 ปี
- การใช้งาน : พฤติกรรมการขับขี่ สภาพถนน และสภาพอากาศ ล้วนส่งผลต่ออายุการใช้งานของยาง หากขับขี่บนถนนที่ขรุขระ บดบัง หรือใช้งานยางอย่างหนัก ควรเปลี่ยนยางบ่อยกว่าปกติ
วิธีเช็คสภาพยางรถยนต์เบื้องต้น
- ตรวจสอบดอกยาง : ใช้วิธีง่ายๆ โดยใช้เหรียญบาทวางลงบนร่องดอกยาง หากเห็นขอบเหรียญ แสดงว่าดอกยางสึกหรอและควรเปลี่ยนใหม่
- ตรวจสอบสภาพยาง : หมุนล้อรถเพื่อตรวจสอบสภาพยางอย่างละเอียด ว่ามีรอยแตก รอยปริ รอยฉีกขาด หรือรอยบวม
- วัดความดันลมยาง : เติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐาน การเติมลมยางที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง
การเปลี่ยนยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นพร้อมกัน
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด
- การเปลี่ยนยางทีละเส้น อาจทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนไม่สมดุล ส่งผลต่อการควบคุมรถ
สรุป
ไม่มีคำตอบตายตัวว่ายางรถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนยางเมื่อดอกยางสึกหรอ หรือยางเสื่อมสภาพ และควรเปลี่ยนยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด